ประโยชน์การบำบัดด้วยแสงอินฟราเรด
ไนตริกออกไซด์เป็นสัญญาณสำคัญต่อสุขภาพของหลอดเลือด โมเลกุลนี้ช่วยผ่อนคลายหลอดเลือด รวมทั้งหลอดเลือดแดงและหลอดเลือดดำ
✳️ช่วยป้องกันทั้งโรคหลอดเลือดแดงแข็งและภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำ
1. โรคหลอดเลือดแดงแข็ง(Atherosclerosis)
เป็นโรคที่หลอดเลือดแดงอักเสบจนทำให้หลอดเลือดแดงแข็งหรือตีบตัน ส่งผลให้เลือดและออกซิเจนไปเลี้ยงเนื้อเยื่อบริเวณใกล้เคียงไม่เพียงพอ เป็นโรคที่ค่อย ๆ เกิดขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปจากไขมันหรือแคลเซียมที่ก่อตัวขึ้นอย่างช้า ๆ ในหลอดเลือด ซึ่งอาจเป็นผลมาจากหลายปัจจัย เช่น ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง คือภาวะที่ระดับไขมันในเลือดสูงจน อาจเป็นอันตรายต่อร่างกาย โดยไขมันชนิดหลักที่พบในเลือดมี 2 ชนิด ได้แก่ ไตรกลีเซอไรด์ (มากกว่า 150 มิลลิกรัม/เดซิลิตร) และคอเลสเตอรอล โดยปกติ LDL ไม่ควรเกิน 120 mg/dl.
❇️การป้องกันโรคหลอดเลือดแดงแข็งตัว 7 ข้อ
1. ดื่มน้ำระหว่างวันให้มากขึ้น ช่วยกระตุ้นการเผาผลาญอาหารในร่างกาย ช่วยให้ระบบลำไส้เคลื่อนตัวได้ดีขึ้น น้ำอุ่นจะยิ่งดีต่อระบบย่อยอาหารมากกว่าการดื่มน้ำเย็น เนื่องจากกระอาหารชอบความอบอุ่น
2. นอนพักผ่อนก่อน เวลา 23.00น. ช่วงเวลา 23.00-03.00น. เป็นช่วงเวลาการทำงานของถุงน้ำดีและตับ ร่างกายจะทำการขับสารพิษของจากร่างกายอัตโนมัติตาม”นาฬิกาชีวิต”
3. พยายามหลีกเลี่ยง อาหารประเภททอด ของหวาน น้ำหวาน อาหารประเภทแป้ง เช่น ข้าวสวย เส้นก๋วยเตี๋ยวต่างๆ เป็นสาเหตุสำคัญ ทำให้เกิดโรคเบาหวาน
4. เพิ่มผักและผลไม้ในแต่ละมื้ออาหาร เนื่องจากใยอาหาร ช่วยกรองไขมันออกจากร่างกายได้
5. การตรวจเช็คสมรรถภาพของหลอดเลือดแดง สามารถเข้ารับการตรวจ โดยเครื่อง Vascular Screening ตามโรงพยาบาลต่างๆ
6. การเต้นแอโรบิคหรือการเล่นโยคะ สัปดาห์ละ 2-3ครั้ง ช่วยให้กล้ามเนื้อและเส้นประสาทแข็งแรง ทั้งยังช่วยเพิ่มความจำได้
7. การฝึกนั่งสมาธิหรือฝึกฝนชี่กงเป็นประจำ ช่วยลดความเครียด อันเป็นสาเหตุหนึ่งให้เส้นเลือดในสมองตีบได้
2.ภาวะลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำอุดตัน (Venous Thromboembolism: VTE)
ทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก มักเกิดขึ้นบริเวณขา ส่งผลให้รู้สึกปวดน่องขาร่วมกับมีอาการบวมแดง หรือส่งผลให้เกิดเส้นเลือดขอดบริเวณขามากขึ้นเรื่อยๆ
❇️การป้องกันภาวะลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำอุดตัน 7 ข้อ
1. ลุกขึ้นเดินทุกๆ ชั่วโมง ไม่ควรนั่งหรือทำงานติดต่อกันเป็นเวลานาน การทำงานเป็นระยะเวลานาน ส่งผลให้เกิดโรคเกี่ยวกับกระดูก เช่น โรคออฟฟิตซินโดรม หรืออาการมือเท้าชาร่วมด้วย
2. พยายามไม่นั่งไขว้ห่างนานๆ ควรเปลี่ยนท่านั่ง เพื่อช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น
3. การพาดขาสูง หลังจากเดินหรือทำงานเป็นระยะเวลานาน ช่วยลดอาการปวดบวมได้
4. การวิ่งออกกำลังหรือเดินต่อเนื่องสัปดาห์ละ 2-3ครั้ง ช่วยให้ระบบเลือดทำงานได้ดีขึ้น
5. การรมสมุนไพรจีน สัปดาห์ละ 1-2ครั้ง เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันและช่วยการทำงานของเซลล์ในร่างกายให้เป็นปกติ
6. การดื่มสมุนไพรจีน ตำรับช่วยสลายลิ่มเลือดและขยายหลอดเลือด
7. การประคบร้อนหรืออบโคมไฟอินฟาเรดบริเวณน่องขาเป็นประจำ ช่วยลดอาการปวดบวมและป้องกันการแข็งตัวในหลอดเลือดได้ดี
การบำบัดด้วยแสงอินฟราเรด ( Infrared Therapy )
เป็นการรักษาที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัย ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดและการอักเสบ แสงสีแดงสามารถทะลุผ่านไปชั้นของผิวหนัง ชั้นกล้ามเนื้อ ผ่านเส้นประสาทและกระดูก ด้วยช่วงความยาวคลื่นที่ 0.6-2.5ไมครอน การรักษาด้วยแสงอินฟราเรด ช่วยเพิ่มการไหลเวียนระบบโลหิต ช่วยเพิ่มการผลิตไนตริกออกไซด์ ช่วยซ่อมแซมและป้องกันการเสื่อมของเซลล์ในร่างกายให้ทำงานดีขึ้น
เรียบเรียงโดย
ทีมแพทย์แผนจีน
www.fangkhem.com